โรคไอกรน (Whooping Cough)
ช่วงนี้มีข่าวโรคไอกรนระบาด พี่เนิสเอาความรู้มาฝากค่า
โรคไอกรน (Whooping Cough) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis ซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอรุนแรง โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
สาเหตุ
เชื้อ Bordetella pertussis ติดต่อผ่านการหายใจและแพร่กระจายจากการไอหรือจามของผู้ป่วยไปยังผู้อื่นที่อยู่ใกล้ ซึ่งทำให้โรคนี้สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายในกลุ่มเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
โรคไอกรนมีอาการ 3 ระยะหลัก:
– ระยะเริ่มต้น (Catarrhal stage) : มีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น น้ำมูกไหล ไอเล็กน้อยและไข้ต่ำ ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
– ระยะไอรุนแรง (Paroxysmal stage) : ไอติดกันเป็นชุดหลายครั้ง ตามด้วยการหายใจแรงที่เกิดเสียงดัง (เสียง “whoop”) อาการนี้อาจทำให้เด็กหน้าเขียวและหยุดหายใจชั่วคราว ระยะนี้มักกินเวลานาน 2-4 สัปดาห์
– ระยะฟื้นตัว (Convalescent stage) : อาการไอจะค่อยๆ ลดลง ใช้เวลา 2-3 สัปดาห์จึงหายดี
วัคซีนที่สามารถป้องกันโรคไอกรนมีหลายชนิด โดยส่วนใหญ่จะรวมกับวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ ดังนี้:
– DTP (Diphtheria, Tetanus, and Pertussis) : วัคซีนรวมคอตีบบาดทะยัก ไอกรน เป็นวัคซีนจำเป็นซึ่งให้ในช่วงอายุ 2 , 4 , 6 , 18 เดือน และอายุ 4 ปี มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคไอกรน
– Tdap (Tetanus, Diphtheria, and Pertussis) : วัคซีนกระตุ้นสำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ แนะนำให้ฉีดเมื่ออายุ 11-12 ปี และทุก ๆ 10 ปีหลังจากนั้น
การฉีดวัคซีนเหล่านี้ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรนและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคนี้
การรักษา
หากพบการติดเชื้อ สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเพื่อลดระยะเวลาในการแพร่เชื้อ การรักษายังช่วยบรรเทาอาการและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในเด็กเล็กและกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม หากมีการสัมผัสผู้ติดเชื้อ ผู้สัมผัสควรได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคเพิ่มเติม
ที่มา :รพ.สมิติเวชชลบุรี