12 ท่าแพลงก์ยอดฮิต ลดพุงวันละนิด 4 สัปดาห์เห็นผล
ท่าแพลงก์ เป็นหนึ่งในท่าการออกกำลังกายที่คนนิยมมากที่สุด เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ และเป็นท่าที่เห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ หากทำบ่อยๆอย่างมีวินัย ก็สามารถฟิต แอนด์ เฟิร์มร่างกายได้ วันนี้พี่เนิร์สจะมาแนะนำ 12 ท่าแพลงก์ทำตามไม่ยากค่ะ
1. ท่าแพลงก์ปกติ (Basic Plank)
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นด้วยท่านอนคว่ำ เหยียดตัวตรง เกร็งคอ และศีรษะลอยจากพื้น
2. ตั้งศอกทั้ง 2 ข้างกับพื้น ค่อย ๆ ยันตัวขึ้น โดยให้ศอกทั้ง 2 ข้างห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่
3. ยกสะโพกขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที
ข้อควรระวัง การแพลงก์ด้วยท่านี้ข้อมือควรต้องวางตรงกับหัวไหล่ ผ่อนข้อศอกเล็กน้อย เกร็งส่วนสะโพกให้อยู่ระนาบเดียวกับลำตัว ที่สำคัญอย่าลืมแขม่วพุงและขมิบก้นเพื่อป้องกันอาการปวดหลังด้วยนะคะ
2. ท่าแพลงก์เหยียดแขน (Straight-arm Plank)
ใช้ส่วนของกล้ามเนื้อแขน ขา หน้าท้อง อย่าลืมเกร็งส่วนของหน้าท้อง สะโพก และบั้นท้ายเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ ได้ทำงานด้วย
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นเหมือนท่าวิดพื้น แขนเหยียดตรง
2. เกร็งท่าไว้อย่างน้อย 10 วินาที แล้วค่อย ๆ ลดตัวลงนอนราบกับพื้น
3. ท่าแพลงก์ด้านข้าง (Side Plank)
ท่านี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อครึ่งซีกบริเวณลำตัวและบริหารหน้าท้องได้ดีอีกเช่นกัน
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นด้วยท่านอนตะแคงซ้าย ใช้แขนและข้อศอกยันตัวขึ้นโดยให้สะโพกยังวางอยู่กับพื้น
2. ค่อยๆ ยกสะโพกขึ้น ตามด้วยเหยียดแขนข้างขวาตรงขึ้นไปข้างบน
3. เกร็งคอ ลำตัว และสะโพกให้อยู่ในระนาบเดียวกัน ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที คลายท่า แล้วสลับข้าง
4. ท่าแพลงก์ด้านข้าง + ยกขา (Side Plank Leg Lift)
ท่านี้ นอกจากจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อครึ่งซีกบริเวณลำตัวและบริหารหน้าท้อง ยังได้ใช้กล้ามเนื้อสะโพกและต้นแขนอีกด้วย
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นด้วยท่าแพลงก์ด้านข้าง โดยนอนตะแคงซ้าย ใช้แขนและข้อศอกยันตัวขึ้นโดยให้สะโพกยังวางอยู่กับพื้น
2. ค่อย ๆ ยกสะโพกขึ้น และเท้าแขนกับเอวไว้
3. เกร็งคอ ลำตัว และสะโพกให้อยู่ในระนาบเดียวกัน
4. ยกขาด้านบนขึ้นจนปลายเท้าเสมอกับข้อศอก จากนั้นลดขาลงกลับสู่ท่าเดิม ทำให้ครบ 10 ครั้ง แล้วสลับทำอีกข้าง
5. ท่าแพลงก์ยกขา (Leg Raise Plank)
ท่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อต้นขาทั้งด้านหน้าและด้านหลังแข็งแรง
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นท่าคุกเข่าก้มหน้า ตั้งศอก วางปลายเท้ากับพื้น
2. ยกเข่าขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน
3. ยกขาข้างหนึ่งขึ้น ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที แล้วคลายท่า
6. ท่าแพลงก์ยกแขน (One Arm Plank)
ท่านี้ฝึกการทรงตัว เพิ่มความแข็งแรงบ่า ไหล่ ต้นแขน และการยืดกล้ามเนื้อแขน
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นท่าคุกเข่าก้มหน้า ตั้งศอก วางปลายเท้ากับพื้น
2. ยกเข่าขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน
3. ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเหยียดตรงไปข้างหน้า ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที แล้วคลายท่า
7. ท่าแพลงก์ยกแขนและขา (One arm-One leg Plank)
ท่านี้ฝึกการทรงตัว เพิ่มความแข็งแรงบ่า ไหล่ สะโพก ต้นขาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
วิธีฝึก
- เริ่มต้นท่าคุกเข่าก้มหน้า ตั้งศอก วางปลายเท้ากับพื้น
2. ยกเข่าขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน
3. ยกขาซ้ายเหยียดตรงไปข้างหลัง ยกแขนขวาเหยียดตรงไปข้างหน้า ค้างท่าไว้ 30-60 วินาที แล้วคลายท่า
8. สไปเดอร์แมน แพลงก์ (spiderman plank)
ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อเอว สะโพก และอย่าลืมเกร็งแกนกลางลำตัว ให้แข็งแรงมากขึ้น
วิธีฝึก
1. ตั้งท่าแพลงก์ปกติ แล้วฉีกขาเข้ามาหาลำตัวสลับกันทีละข้าง
2. ทำไปเรื่อย ๆ สัก 15 ครั้งหรือแล้วแต่จะไหว
9. ท่าเอลโบแพลงก์ วิท ดองกี้คิก (Elbow Plank With Donkey Kick)
ท่านี้มีส่วนช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาส่วนบน อีกทั้งยังช่วยฝึกการทรงตัวได้อีกด้วย
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นด้วยการทำท่าแพลงก์ วางศอกตรงกับหัวไหล่ แล้วยกตัวขึ้นทรงตัวด้วยปลายเท้าทั้งสองข้าง
2. ยกขาขวาขึ้นจากพื้น งอเข่าขวาตั้งฉากให้ปลายเท้าชี้ไปด้านหลัง เกร็งสะโพกเล็กน้อย ยกเข่าขวาขึ้น-ลง 10 ครั้ง โดยไม่ให้เข่าแตะพื้น แล้วสลับมาทำข้างซ้ายอีก 10 ครั้ง
3. ทำซ้ำอีกข้างละ 10 ครั้ง หรือเท่าที่ร่างกายจะไหว
10. ท่าแพลงก์สลับสะโพกแตะพื้น (Plank Hip Twist)
ท่านี้นอกจากช่วยลดพุงแล้ว ยังช่วยลดต้นแขนและสร้างเอวเอสไปพร้อมๆกันอีกด้วย
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นด้วยท่านอนคว่ำ เหยียดตัวตรง เกร็งคอ ศีรษะลอยจากพื้น
2. ตั้งศอกทั้ง 2 ข้างกับพื้น ค่อย ๆ ยันตัวขึ้น โดยให้ศอกทั้ง 2 ข้างห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่
3. ยกสะโพกขึ้น เกร็งลำตัวและคอให้อยู่ในระนาบเดียวกัน จากนั้นเกร็งสะโพกแล้วเอียงเฉพาะส่วนสะโพกด้านข้างมาแตะพื้น โยกสลับกันไปจนครบข้างละ 10 ครั้ง
11. ท่าแพลงก์แยกขา เข้า-ออก (Plank Jack)
ท่านี้ค่อนข้างโหดพอสมควร แนะนำให้ทำหลังจากที่ร่างกายเราพร้อมแล้วจะปลอดภัยกว่ามากนะคะ ท่านี้จะช่วยลดพุงและกระชับลดต้นขาไปพร้อมๆกัน
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นเหมือนท่าวิดพื้น แขนและขาเหยียดตรง
2. เกร็งลำตัวช่วงล่างแล้วค่อย ๆ แยกปลายเท้าทั้งสองออกด้านข้างตัว ในลักษณะคล้าย ๆ ท่ากระโดดตบ
3. ทำให้ครบ 10 ครั้งหรือจนกว่าจะไม่ไหว
12. ท่าแพลงก์เข่าชิดศอก (Plank Knee)
ท่านี้ช่วยให้ก้นได้รูปทรงสวย และเพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องไปด้วยในตัว แนะนำให้ทำท่าพื้นฐานก่อนในวันแรกๆ แล้วค่อยเพิ่มท่านี้เข้าไปในโปรแกรมค่ะ
วิธีฝึก
1. เริ่มต้นเหมือนท่าวิดพื้น แขนและขาเหยียดตรง
2. งอขาซ้ายเข้าหาลำตัว ให้เข่าแตะกับข้อศอก แล้วเหยียดขากลับสู่ท่าเริ่มต้น
3. สลับทำกับขาอีกข้างไปเรื่อย ๆ ให้ได้ข้างละ 10 ครั้ง หรือจนกว่าจะไม่ไหว
และหากใครเริ่มสนใจอยากแพลงก์กิ้งเปลี่ยนชีวิตกับเขาบ้าง เราก็มีตารางแพลงก์ 28 วันมาให้ลองทำตามกันด้วยค่ะ
Date | Plank Time |
---|---|
1 | แพลงก์ให้ได้ 20 วินาที |
2 | แพลงก์ให้ได้ 20 วินาที |
3 | แพลงก์ให้ได้ 30 วินาที |
4 | แพลงก์ให้ได้ 30 วินาที |
5 | แพลงก์ให้ได้ 40 วินาที |
6 | หยุดพัก |
7 | แพลงก์ให้ได้ 45 วินาที |
8 | แพลงก์ให้ได้ 45 วินาที |
9 | แพลงก์ให้ได้ 60 วินาที |
10 | แพลงก์ให้ได้ 60 วินาที |
11 | แพลงก์ให้ได้ 60 วินาที |
12 | แพลงก์ให้ได้ 90 วินาที |
13 | หยุดพัก |
14 | แพลงก์ให้ได้ 90 วินาที |
15 | แพลงก์ให้ได้ 90 วินาที |
16 | แพลงก์ให้ได้ 120 วินาที |
17 | แพลงก์ให้ได้ 120 วินาที |
18 | แพลงก์ให้ได้ 150 วินาที |
19 | หยุดพัก |
20 | แพลงก์ให้ได้ 150 วินาที |
21 | แพลงก์ให้ได้ 150 วินาที |
22 | แพลงก์ให้ได้ 180 วินาที |
23 | แพลงก์ให้ได้ 180 วินาที |
24 | แพลงก์ให้ได้ 210 วินาที |
25 | หยุดพัก |
26 | แพลงก์ให้ได้ 210 วินาที |
27 | แพลงก์ให้ได้ 240 วินาที |
28 | แพลงก์ให้ได้นานที่สุดเท่าที่ร่างกายจะไหว |
นอกเหนือไปจากท่าแพลงก์แบบต่างๆที่กล่าวมา การควบคุมอาหารก็เป็นส่วนสำคัญในการลดส่วนเกินอันไม่พึงประสงค์ของร่างกายเราด้วยเช่นกัน สำคัญมากถึง 80 % เลยก็ว่าได้ หันมากินอาหารที่เป็นประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้เป็นหลัก อาหารที่ปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ตุ๋น งดอาหารทอด ปิ้ง ย่าง และอาหารที่ประกอบไปด้วยไขมันในปริมาณมากๆ ทานข้าวให้ตรงตามเวลา ห้ามงดมื้อเช้า งดทานมื้อดึกหลัง 18:00 น.
ห้ามแพลงก์บนพื้นนุ่มๆ เช่น โซฟา เตียงนอน ควรแพลงก์บนเสื่อโยคะ แผ่นยาง หรือพรมปูพื้นแทน เพราะท่ากายบริหารแบบนี้ควรทำบนพื้นราบ ขณะทำ ให้แขม่วพุงและเกร็งกล้ามเนื้อส่วนสะโพกและก้นไปพร้อมๆกัน จะช่วยให้การลดพุงด้วยท่าแพลงก์ของคุณได้ผลเร็วขึ้นมาก
หากใครอยากฝึกท่าแพลงก์ยาว ๆ ไปแบบไม่มีอาการปวดหลังมารบกวน เราก็มีเคล็ดลับแพลงก์ให้ได้นาน ๆ และเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่ออาการปวดหลังมาฝากตามนี้เลยค่ะ
1. หากเป็นมือใหม่หัดแพลงก์ ควรเริ่มแพลงก์จากระยะสั้น ๆ (10-20 วินาที) แล้วพัก ก่อนเริ่มแพลงก์ใหม่อีกครั้งไปก่อน อย่าเพิ่งหักโหม เพราะกล้ามเนื้ออาจจะยังไม่มีความพร้อม ให้ค่อย ๆ แพลงก์อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ
2. สูดลมหายใจเข้า-ออกยาว ๆ อย่ากลั้นหายใจระหว่างที่แพลงก์ เพราะจะทำให้เหนื่อยยิ่งขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการแพลงก์บนเตียงนุ่ม ๆ แต่ให้แพลงก์บนพื้นยาง หรือพรมแทน เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง
4. ถ้ารู้สึกปวดหลัง หรือเจ็บตรงส่วนไหนให้หยุดพักทันที อย่าฝืนร่างกาย จนกว่าจะหายปวดแล้วค่อยฝึกต่อ
5. หมั่นฝึกท่าแพลงก์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งก็จะช่วยให้เราทำท่าแพลงก์ได้นานมากขึ้นไปด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 12 ท่าแพลงก์ยอดฮิต ที่จะช่วยให้การแพลงก์กิ้งของคุณไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ซึ่งเราก็อยากย้ำเพิ่มเติมกันอีกสักนิดว่า การแพลงก์ที่ถูกต้อง ข้อมือควรต้องวางตรงกับหัวไหล่ เวลาแพลงก์ให้เกร็งส่วนสะโพกไว้ และที่สำคัญอย่าลืมแขม่วพุงและขมิบก้นในระหว่างการแพลงก์ เพื่อให้ได้บริหารกล้ามเนื้ออย่างถูกต้อง และป้องกันอาการปวดหลังไปในตัวด้วยนะคะ
แหล่งข้อมูล :
- โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์
- V-Slim Plus ลดพุง ลดหน้าท้องวิธีเร่งด่วน
- https://www.menshealth.com/fitness/a19542882/truth-about-extreme-planking/
- https://www.sanook.com/women/160297/