โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคร้ายที่เป็นอันตรายถึงชีวิต! เป็นภาวะที่เกิดจากการขัดข้องของการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้เนื้อเยื่อสมองขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสมองและสามารถนำไปสู่การสูญเสียการทำงานของร่างกาย เช่น การเคลื่อนไหว การพูด หรือความคิด โรคนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมีภาวะทุพพลภาพถาวรหรือเสียชีวิต

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมองมีสาเหตุหลักมาจากการอุดตันของหลอดเลือดแดง (Ischemic Stroke) และการแตกของหลอดเลือดแดง (Hemorrhagic Stroke) ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค มีดังนี้

ความดันโลหิตสูง: เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและอาจเกิดการแตกได้

เบาหวาน: โรคเบาหวานทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพเร็วขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

ไขมันในเลือดสูง: ทำให้หลอดเลือดอุดตันง่ายขึ้น

การสูบบุหรี่: ทำให้หลอดเลือดตีบและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป: เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดสมอง

อาการของโรคหลอดเลือดสมอง

อาการของโรคหลอดเลือดสมองสามารถเกิดขึ้นได้ทันทีและรุนแรง ควรสังเกตอาการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น

การอ่อนแรงหรือชาในใบหน้า แขน หรือขา โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย

การพูดไม่ชัดหรือไม่สามารถพูดได้ หรือเข้าใจคำพูดได้ยาก

การมองเห็นเปลี่ยนไป เช่น มองเห็นภาพซ้อนหรือมองไม่เห็นในบางส่วน

การสูญเสียการทรงตัวหรือการเดินยาก รวมถึงการเวียนศีรษะอย่างรุนแรง

ปวดศีรษะรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน

อาการของโรคหลอดเลือดสมองที่สามารถจดจำได้ง่ายโดยใช้หลักการ BEFAST คือ:

B: Balance (การทรงตัว)

ผู้ป่วยอาจสูญเสียการทรงตัวหรือรู้สึกเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ทำให้ยืนหรือเดินไม่มั่นคง ซึ่งอาจเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด

E: Eyes (สายตา)

อาการนี้เกี่ยวข้องกับการมองเห็นที่ผิดปกติ เช่น การมองเห็นภาพซ้อน การสูญเสียการมองเห็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือเห็นภาพไม่ชัดเจนในทันที

F: Face Drooping (ใบหน้าเบี้ยว)

อาการนี้สังเกตได้จากการที่ใบหน้าของผู้ป่วยตกหรือเบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยยิ้มหรือแสดงสีหน้า จะเห็นได้ชัดว่ามีการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อในส่วนของใบหน้า เช่น ปากตกลง หรือไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อบางส่วนของใบหน้าได้ตามปกติ

A: Arm Weakness (แขนขาอ่อนแรง)

ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนแรงที่แขนหรือขาซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ลองให้ผู้ป่วยยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง อาจพบว่าแขนข้างหนึ่งไม่สามารถยกขึ้นได้เท่ากับอีกข้าง หรืออ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว โดยอาการนี้สามารถเกิดขึ้นที่ขาเช่นกัน ทำให้การเดินหรือการทรงตัวผิดปกติ

S: Speech Difficulty (พูดไม่ชัดหรือพูดลำบาก)

ผู้ป่วยจะมีปัญหาในการพูด เช่น พูดไม่ชัด เสียงพูดเปลี่ยนไป หรือบางครั้งอาจจะพูดไม่ออกเลย นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจจะไม่สามารถเข้าใจคำพูดหรือประโยคที่ซับซ้อนได้ ถามผู้ป่วยให้ตอบคำถามง่าย ๆ เพื่อสังเกตความผิดปกติในการพูดและความเข้าใจ

T: Time to Call Emergency Services (ถึงเวลาที่ต้องเรียกรถพยาบาล)หรือโทร. 1669

หากพบอาการใดอาการหนึ่งตามหลัก FAST ไม่ควรรอช้า ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน เวลาเป็นสิ่งสำคัญมากในการช่วยลดความเสียหายต่อสมองและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว ดังนั้น การเข้ารับการรักษาภายใน 4.5 ชั่วโมงแรกเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

ที่มา : https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/stroke

https://www.bnhhospital.com/th/neuroscience-brain

Related Articles

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

NCDs ย่อมาจาก Non-Communicable Diseases หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หมายถึง โรคที่ไม่ติดต่อ หรือไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรค แต่เกิดจากการสะสมอาการอย่างต่อเนื่อง จากนิสัยหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม