29 กันยายน วันหัวใจโลก

29 กันยายน วันหัวใจโลก

29 กันยายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น วันหัวใจโลก (World Heart Day) จัดขึ้นเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของประชากรโลก

วันนี้พี่เนิร์สจึงอยากชวนทุกคนมาสำรวจหัวใจตัวเองกันว่า หัวใจของคุณเป็นแบบไหน? และมาทำความรู้จักกับโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจกัน มีทั้งหมด 9 โรค มีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน!!

29 กันยายน วันหัวใจโลก

ใจใหญ่
หัวใจโต (Cardiomegaly) เป็นภาวะที่หัวใจมีขนาดใหญ่กว่าปกติ เกิดจากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ส่วนมากเกิดจากภาวะความดันโลหิตสูงหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่ดี และตามมาด้วยภาวะรุนแรงอย่างหัวใจล้มเหลว ทั้งนี้ผู้ป่วยหัวใจโตส่วนใหญ่มักได้รับการรักษาในระยะยาวโดยการใช้ยา เพื่อควบคุมอาการแทรกซ้อน

ใจเย็น
หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia) คือ ภาวะที่อัตราการเต้นของหัวใจต่ำกว่า 60 ครั้งต่อนาทีซึ่งน้อยกว่าการเต้นของหัวใจในอัตราปกติ โดยทั่วไปแล้วผู้ใหญ่จะมีอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักอยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที ผู้ที่มีอัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่า 60 ครั้งต่อนาที ถือว่าประสบภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ ภาวะนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ โดยเฉพาะในกรณีที่หัวใจเต้นช้าจนไม่สามารถสูบฉีดเลือด และนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ

ใจร้อน
หัวใจเต้นเร็ว (Tachycardia) คือ อาการที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ โดยเกิดขึ้นได้แม้ไม่ได้ทำกิจกรรมใด ๆ อาจเป็นการตอบสนองของร่างกายต่อความวิตกกังวล อาการไข้ เสียเลือดกะทันหัน หรือออกกำลังกายที่ต้องใช้กำลังกายมาก นอกจากนั้นอาจเกิดจากโรคหรือความผิดปกติในร่างกาย เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism) หรือปอดบวม รวมไปถึงผลข้างเคียงจากอาหาร เครื่องดื่ม และยารักษาโรค เช่น ชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในผู้ใหญ่อัตราการเต้นของหัวใจ เมื่อเกิดภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติมากกว่า 100 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจปกติจะอยู่ที่ประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที

ใจสั่น
หัวใจเต้นพลิ้ว (Atrial fibrillation) คือโรคหัวใจชนิดหนึ่งที่หัวใจห้องบนเต้นพลิ้ว ไม่ผลักดันเลือดลงมาห้องล่างตามปกติ และมักจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจห้องล่างเร็วผิดปกติ เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อยที่สุดในผู้ใหญ่ ในคนปกติอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที และเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หัวใจห้องบนและล่างทำงานสัมพันธ์กัน อัตราการเต้นของหัวใจห้องล่างในภาวะนี้อาจต่ำกว่าปกติ อยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือเร็วผิดปกติ ในภาวะนี้หัวใจห้องบนและล่างทำงานไม่สัมพันธ์กัน

เจ็บใจ
กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute Myocardial Infarction) คือ ภาวะที่เกิดลิ่มเลือดหรือไขมันไปอุดตันหลอดเลือดหัวใจ จนทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันและเสียชีวิตในที่สุด

ใจหาย
หัวใจหยุดเต้น (Asystole) เป็นภาวะที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าในเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเลย หมายความว่า หัวใจไม่มีการเต้นแล้ว หรือหัวใจหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง

ใจสลาย
ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) หรือเรียกว่าภาวะหัวใจวาย คือ ภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เพียงพอต่อความต้องการในขณะพัก หรือเมื่อต้องการออกกำลัง เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระยะสุดท้ายของโรคหัวใจทุกชนิด และยังเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค

ใจรั่ว
ลิ้นหัวใจรั่ว (Heart Valve Regurgitation) คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่ทำให้ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท เป็นสาเหตุให้เลือดไหลย้อนกลับ หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดให้เพียงพอ โรคนี้อาจรักษาให้หายได้โดยใช้ยาและการผ่าตัดเพื่อซ่อมแซม รวมทั้งการใส่อุปกรณ์บางชนิดเพื่อช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ตามปกติ

ใจพองโต
หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ( Aortic Aneurysm) หลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า (Aorta) เป็นหลอดเลือดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย ออกมาจากขั้วหัวใจทอดยาวจากช่องอกสู่ช่องท้องและให้แขนงเป็นหลอดเลือดที่นำเลือดแดงไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ในร่างกายหลายแห่ง โรคหรือภาวะบางอย่างอาจทำให้ผนังหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้ามีความอ่อนแอ เกิดการโป่งพองขยายขนาดจนใหญ่กว่าปกติขึ้น (Aneurysm) ซึ่งเมื่อมีการโป่งขยายจนถึงระดับหนึ่งก็จะแตก ทำให้เสียเลือดจำนวนมากกะทันหัน จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว ภาวะดังกล่าวสามารถพบได้ในทุกระดับของหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่อยู่ในช่องอกหรือช่องท้อง แต่สามารถพบบ่อยที่สุดในหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้าในช่องท้องส่วนที่อยู่ใต้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไต (Intrarenal Abdominal Aortic Aneurysm)

เพราะหัวใจมีเพียงดวงเดียว หากไม่อยากเสี่ยงเป็นโรคหัวใจดังกล่าว เราควรหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ และป้องกันหัวใจให้ห่างไกลโรค ทุกคนสามารถทำได้ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงทานอาหารไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง เช่น อาหารทอด ฟาสต์ฟู้ดส์ โดนัท เบเกอรี่ เราควรทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ผักใบเขียว ปลาทะเล ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เป็นต้น
  • พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เนื่องจากภาวะอ้วนจะทำให้ร่างกายและหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความดันโลหิตสูง
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยลดไขมันในร่างกาย ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจและปอดดีขึ้น
  • ลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับสนิทอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
  • ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป ควรดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เช่น วิสกี้ ไม่เกิน ¼ แก้ว/วัน เบียร์ไม่เกิน 1 ขวด/วัน ไวน์ไม่ควรเกิน 1 กระป๋อง (250 ซีซี/วัน)
  • หยุดสูบบุหรี่ เนื่องจากสารพิษในบุหรี่ ทำให้เส้นเลือดแข็ง ผนังเส้นเลือดหนา หัวใจเต้นเร็ว ถ้าเราเลิกสูบบุหรี่ได้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือด

ที่มา : โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลวิภาวดี, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

Related Articles

คำย่อภาษาอังกฤษ ที่ใช้ในการวินิจฉัยโรค

พยาบาลนอกจากดูแลสุขภาพของผู้ป่วยแล้ว อีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญคือ การอ่านข้อมูลที่บันทึกอยู่ในเวชระเบียน ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยที่มารับบริการตรวจและรักษาโรคในโรงพยาบาล

ทำความรู้จัก Burn Injury แผลไหม้

แผลไหม้ หมายถึง บาดแผลที่ผิวหนังถูกทำลายด้วยความร้อน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากถูกเปลวไฟลวก ถูกของเหลวร้อนลวก กระแสไฟฟ้าแรงสูง หรือสารเคมี ส่งผลทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลาย ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า หนังแท้ หรืออาจลึกลงไปถึงกระดูกได้

ภาวะรั่วซึมของสารน้ำหรือยาออกนอกหลอดเลือดดำ

สวัสดีค่ะ พี่น้อง nurse soulciety ทุกท่าน หลังจากพี่เนิร์สเผยแพร่เนื้อหาภาวะหลอดเลือดดำอักเสบไปแล้วนั้น วันนี้เราจะมาทบทวนความรู้ของภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาทางหลอดเลือดดำส่วนปลายอีกอย่างหนึ่ง ที่สำคัญมากๆ คือ ภาวะรั่วซึมของสารน้ำหรือยาออกนอกหลอดเลือดดำ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ ส่งผลทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตำแหน่งการให้ยา และติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ทำให้ต้องรักษาในโรงพยาบาลนานขึ้น เสียค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น ดังนั้นพยาบาลควรมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการป้องกัน เฝ้าระวัง ประเมินการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อจากการรั่วของยาหรือสารน้ำ และจัดการเมื่อเกิดภาวะดังกล่าว ภาวะรั่วซึมของสารน้ำหรือยาออกนอกหลอดเลือดดำ สามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ภาวะรั่วซึมของยาหรือสารน้ำออกนอกหลอดเลือดดำ…

เทคนิคการกินง่าย ๆ สไตล์พยาบาล

พยาบาลเวลาเข้ากะต้องกินอาหารอย่างไรไม่ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพ พี่เนิร์สมีคำตอบมาให้ค่ะ โดยปกติแล้ว เวรงานพยาบาลแบ่งออกเป็น 3 กะ (เช้า, บ่าย, ดึก) ทำให้ชีวิตประจำวันในการกินอาหารแต่ละมื้อแตกต่างกัน ดังนี้ เข้างานกะเช้า (8:00-16:00 น.)เริ่มทำงานตามนาฬิกาชีวิตแบบทั่วไป สามารถกินอาหารได้ตามปกติให้ครบ 3 มื้อ ในปริมาณใกล้เคียงกัน เข้างานกะบ่าย (16:00-24:00 น.)เริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงบ่ายและเลิกงานกลางดึก ให้กินมื้อหนักก่อนเข้างาน ถ้าหิวระหว่างกะให้กินผลไม้ ถั่ว อัลมอนด์…

Dopamine injection

รูปแบบยาและความแรง : Dopamine injection 200 mg/5ml (40mg/ml) ,50mg/5ml (10mg/ml) Inopin (Dopamine) 250 mg/10 ml (25mg/ml), 500mg/10 ml (50 mg/ml) *** ควรมีการตรวจสอบรูปแบบที่มีอยู่ในแต่ละโรงพยาบาล กลุ่มยาทางเภสัชวิทยา : Cardiogenic drug…

Responses