ซิฟิลิสในหญิงตั้งครรภ์
ซิฟิลิส คืออะไร?
ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ Treponema pallidum โดยจะเริ่มแสดงอาการ 3-4 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อ ซึ่งสามารถกระจายไปยังระบบต่าง ๆ ทั่วร่างกาย หากปล่อยให้เป็นจนถึงระยะสุดท้ายโดยไม่ได้รับการรักษาเชื้อจะกระจายไปที่ระบบหัวใจและหลอดเลือด และระบบประสาทได้
การติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ มีอาการแสดงได้หลายลักษณะ ดังนี้
1. ระยะที่ 1 (Primary syphilis) พบแผลริมแข็ง (Chancre) ที่อวัยวะเพศมักจะเป็นแผลสะอาด พื้นสีแดง แผลเดียว ขอบแข็งยกนูน อาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตได้ แผลสามารถหายเองได้ใน 2-8 สัปดาห์
2. ระยะที่ 2 (Secondary syphilis) เกิดจากเชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ ลักษณะที่พบ เช่น
- ผื่น (Macular rash) กระจายทั่วไป พบได้ร้อยละ 90
- ผื่น (Targeted lesion) ที่ฝ่ามือฝ่าเท้า
- ผมร่วงเป็นหย่อม
- ตุ่มนูน (Condyloma lata) ที่บริเวณอวัยวะเพศ
นอกจากนี้อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อร่วมด้วยได้ อาการเหล่านี้จะพบ 4-10 สัปดาห์ หลังจากพบแผลริมแข็ง (Chancre)
3. ระยะแฝง (Latent syphilis) เกิดขึ้นเมื่อ Primary หรือ Secondary syphilis ไม่ได้รับการรักษา แต่อาการต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นสามารถหายไปได้เอง อย่างไรก็ตามยังคงตรวจพบการติดเชื้อได้จากการตรวจเลือด หากเกิดภายใน 12 เดือน หลังจากมีอาการทางคลินิก เรียก Earty latent แต่หากนานกว่า 12 เดือน หรือไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอน เรียก Late latent ซึ่งมักจะเป็นระยะที่ตรวจพบในหญิงตั้งครรภ์
4. ระยะที่ 3 (Tertiary syphilis) เป็นระยะที่โรคดำเนินไปอย่างช้าๆ เกิดขึ้นที่อวัยวะใดก็ได้ พบได้ประมาณ 40% ของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษา เชื้อซิฟิลิสจะค่อยๆทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น หัวใจ หลอดเลือด เป็นต้น จะปรากฏอาการหลังรับเชื้อ 5 – 30 ปีหรือนานกว่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ค่อยพบในสตรีวัยเจริญพันธุ์ ระยะนี้ทารกในครรภ์จะมีโอกาสติดเชื้อร้อยละ 10 กรณี เป็นซิฟิลิสระบบประสาท ( Neurosyphilis ) จะตรวจพบ CSF ผิดปกติหรือมีอาการทางระบบประสาท เช่น เยื่อหุ้มสมอง อักเสบ เส้นเลือดในสมองตีบ สูญเสียความทรงจำ เป็นต้น
ผลของการติดเชื้อในครรภ์
- อาจทำให้แท้ง
- คลอดก่อนกำหนด
- ทารกโตช้าในครรภ์
- ทารกพิการแต่กำเนิด
- ทารกบวมน้ำ ( fetal hydrops )
- อาจร้ายแรงถึงเสียชีวิตระหว่างคลอดได้
ทารกที่ติดเชื้อมักแสดงอาการในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ เช่น ซีด เกร็ดเลือดต่ำ มีน้ำในช่องท้อง หรือบวมน้ำได้ ทารกที่คลอดออกมาอาจมีภาวะตัวเหลือง จุดเลือดออกตามผิวหนัง ต่อมน้ำเหลืองโต เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โปรตีนรั่วทางไต หรือพบความผิดปกติที่กระดูก
การวินิจฉัย
- หญิงตั้งครรภ์ทุกรายควรได้รับการตรวจคัดกรอง เมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก กรณีมีความเสี่ยงสูงหรืออยู่ในพื้นที่ที่มีความชุกของโรคมาก จะได้รับการตรวจคัดกรองซ้ำในไตรมาสที่สามด้วย
- หากมีอาการควรมาพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยโดยเร็ว
- หญิงตั้งครรภ์ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ ควรจะได้รับการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น ตับโต รกหนา น้ำในช่องท้อง ทารกบวมน้ำ น้ำคร่ำมาก ทารกซีด อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของ Rac และคณะ คลื่นเสียงความถี่สูงสามารถตรวจพบความผิดปกติได้เพียง 1 ใน 3 ของทารกที่ติดเชื้อในครรภ์เท่านั้น ดังนั้น การตรวจคลื่นเสียงที่ไม่พบความผิดปกติ อาจไม่สามารถรับประกันได้ว่าทารกไม่ติดเชื้อ
- หากมีประวัติสัมผัสคนที่ติดเชื้อภายใน 90 วัน ควรแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบเพื่อทำการรักษาต่อไป
การรักษา
ยาที่เลือกใช้คือ Benzathine penicillin G (เบนซาทีน เพนิซิลลิน) ขนาดและปริมาณขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา เพื่อกำจัดเชื้อในมารดาและป้องกันไม่ให้ทารกเป็นโรค หลังจากได้ยารักษาจะมีการตรวจติดตามระดับการติดเชื้อจากการตรวจเลือด เป็นระยะทุก 3 ถึง 6 เดือน
ซิฟิลิสสามารถป้องกันได้โดยการไม่สำส่อนทางเพศและการใช้ถุงยางอนามัย หญิงตั้งครรภ์ควรไปฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ เพื่อตรวจหาเชื้อ และรักษาอย่างทันท่วงที
แหล่งที่มา : รศ.นพ.สมชาย ธนวัฒนาเจริญ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , ผศ.พญ.กุณฑรี ไตรศรีศิลป์ หมื่นพินิจ สูตินรีแพทย์ ศุนย์ศรีพัฒน์ , สตรีตั้งครรภ์ติดเชื้อซิฟิลิส : บทบาทพยาบาล วารสารพยาบาลทหารบก 2563 , โรงพยาบาลคามิลเลียน